“ตรีชฎา” ชี้มติ ครม.เพิ่มเบี้ยคนชราหลักร้อยไม่พอยาไส้ยุคข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อพุ่ง เตือนความจำรัฐบาล “ประยุทธ์” เคยหาเสียงปี 62 พูดไว้ต้องทำให้ได้จริงให้ครบถ้วน

“ตรีชฎา” ชี้มติ ครม.เพิ่มเบี้ยคนชราหลักร้อยไม่พอยาไส้ยุคข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อพุ่ง เตือนความจำรัฐบาล “ประยุทธ์” เคยหาเสียงปี 62 พูดไว้ต้องทำให้ได้จริงให้ครบถ้วน

 

นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติงบกลางของปี 2565 ที่เคยเห็นชอบหลักการไปแล้วเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษ ผู้สูงอายุรวมกว่า 8,300 ล้านบาท ตั้งแต่ 100-250 บาทต่อคนต่อเดือนตามช่วงอายุ เป็นเวลา 6 เดือนนั้น มองว่า การช่วยเหลือผู้สูงอายุและประชาชนเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากขณะนี้พี่น้องประชาชนกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจกันอย่างถ้วนหน้าจากการบริหารที่ผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่การอุดหนุนเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุควรดำเนินการเร็วกว่านี้ และอุดหนุนให้เท่ากับที่พรรคร่วมรัฐบาลได้เคยหาเสียงเอาไว้ในการเลือกตั้งปี 2562

โดยพรรคพลังประชารัฐ หาเสียงเอาไว้ว่าจะปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทุกช่วงอายุเป็น 1,000 บาทต่อเดือน พรรคประชาธิปัตย์เคยหาเสียงจะปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงเป็น 1,000 บาทต่อเดือน พรรคชาติพัฒนา ตอนหาเสียงจะปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 2,000 บาทต่อเดือนจนปัจจุบันรัฐบาลอยู่มาเกือบครบวาระ 4 ปี แต่สิ่งที่พี่น้องประชาชนคนสูงอายุได้รับกลับได้ไม่ครบถ้วนตามที่หาเสียงเอาไว้ ผู้สูงอายุ 60-79 ปี ได้เบี้ยคนชรารวมเพียง 700-850 บาท และจะได้รับจำนวนนี้จนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้เท่านั้น กลายเป็นว่าไม่ใช่เงินอุดหนุนที่แท้จริง แต่เป็นเพียงเบี้ยหัวแตกที่ไม่พอยาไส้ในยุคข้าวยากหมากแพงตอนนี้

นางสาวตรีชฎา กล่าวอีกว่า พรรคการเมืองคือศูนย์รวมบุคคลกลุ่มต่างๆ ที่มีแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมที่คล้ายคลึงกัน โดยมีเป้าเดียวกันที่จะขจัดทุกข์ บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชน การที่ประชาชนลงคะแนนเลือกบุคลากรของพรรคใด ประชาชนย่อมมุ่งหมายให้พรรคการเมืองไปดำเนินการทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ให้เป็นจริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนไทยในตอนนี้คือ ผ่านมาเกือบ 4 ปี ประชาชนกลับตั้งคำถามว่าสิ่งที่อยู่บนป้ายหาเสียงในตอนนั้น กลายเป็นโฆษณาชวนเชื่อในวันนี้ ใช่หรือไม่ และหาก พล.อ.ประยุทธ์ มุ่งหวังจะคลี่คลายความโศกเศร้า ความทุกข์ตรมต่างๆ ของประชาชน ให้ได้มากที่สุด สิ่งเดียวที่ประชาชนต้องการคือ เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี และอยากได้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่มีความสามารถ นำพาประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ไม่ตกอยู่ในสภาพรถตกหล่มแบบทุกวันนี้มากกว่า

“การหาเสียงไม่ใช่พูดไปเพื่อให้ประชาชนมาลงคะแนนเฉพาะช่วงการเลือกตั้งแล้วจบกันไปเท่านั้น แต่มันคือการแสดงความรับผิดชอบว่าพรรคการเมือง พร้อมที่จะ ‘รับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนของปวงชน’ จึงอาสามาลงสมัครรับเลือกตั้ง ตอนหาเสียงพูดอย่าง พอได้เป็นรัฐบาลทำได้เพียงแจกเงินแบบขอไปทีไม่ดีแน่ ถ้าทำไม่ได้ขอให้กลับไปดูนโยบายเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที ไม่ว่าจะเสนอนโยบายใดก็ทำได้จริง จนเป็นเงินรายได้ให้ผู้สูงอายุและคนพิการ มาจนถึงในปัจจุบัน” นางสาวตรีชฎากล่าว

Related posts